วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

ประวัติวัดเหนือ

ประวัติการสร้างวัด
------------
(สำเนา)

          รายนามผู้สร้างวัดต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร  คัดลอกจากบันทึกของพระยาประจันตประเทศธานี  ซึ่งหลวงวิจารณ์อักษร (บุตรชาย) เก็บรักษาไว้
  1. วัดศรีบุญเรือง (วัดแป้น) พระยาประเทศธานี (คำ) เจ้าเมืองสกลนคร คนที่ 1 สร้างเมื่อปีชวด จุลศักราช 1202 ร.ศ. 59 พ.ศ.2383 พระครูหลักคำ (ศรี) เป็นเจ้าอาวาส
  2. วัดศรีคูณเมือง (วัดกลาง) พระยาประเทศธานี (คำ) เจ้าเมืองสกลนคร คนที่ 1 สร้างเมื่อปีมะเส็ง จุลศักราช 1207 ร.ศ. 64 พ.ศ. 2388 พระครูหล้า เป็นเจ้าอาวาส
  3. วัดศรีมุงคุณ (วัดเหนือ) ราชวงศ์อินทร์ ราชวงศ์เมืองมหาชัยก่องแก้ว - เมืองสกลนคร เป็นบิดาพระยาประจันตะประเทศธานี - พระอนุบาลสกลเขตฯ เป็นผู้สร้างเมื่อปีมะแม จุลศักราช 1209 ร.ศ. 66 พ.ศ. 2390 พระครูศรีธรรมา เป็นเจ้าอาวาส
  4. วัดศรีสระเกษ พระศรีวรราช เป็นบิดาพระบริบาลศุภกิจ (คำสาย) ต้นตระกูลศิริขันธ์ในปัจจุบันนี้ เป็นผู้สร้างเมื่อปีจอ จุลศักราช 1212 ร.ศ. 69 พ.ศ. 2393
  5. วัดสะพานหิน (วัดสะพานคำ) ราชวงศ์ ปิด ราชวงศ์เมืองสกลนคร ต่อมาได้เป็นเจ้าเมืองสกลนคร คนที่ 2 มีราชทินนามว่า พระยาประจันตประเทศธานี เป็นผู้สร้างเมื่อปีมะเส็ง จุลศักราช 1231 ร.ศ. 88 พ.ศ. 2421 พระครูสอน เป็นเจ้าอาวาส ท่านผู้นี้ มีนามอีกนามหนึ่งว่า "จุฬนี"
  6. วัดแจ้ง  อุปฮาดโง่นคำ อุปฮาดเมืองสกลนคร ต่อมาได้เป็นเจ้าเมืองสกลนคร คนที่ 3 มีราชทินนามว่า พระยาประจันตประเทศธานี ศรีสกลานุรักษ์ อรรคเดโชชัย อภัยพิริยากรมพาหุ เป็นผู้สร้างเมื่อปีเถาะ จุลศักราช 1241
  7. วัดศรีธรรมหายโศก (วัดศรีชมพู) พระยาประจันตประเทศธานีฯ เจ้าเมืองสกลนคร คนที่ 3 (โง่นคำ) เป็นผู้สร้างเมื่อปีมะโรง จุลศักราช 1242 ร.ศ. 99 พ.ศ. 2423 พระครูลีเป็นเจ้าอาวาส
  8. วัดกัลยาณมิตรโพนเมือง (วัดศรีโพนเมือง) พระยาประจันตประเทศธานีฯ (โง่นคำ) เป็นผู้สร้างเมื่อปีชวด จุลศักราช 1250  ร.ศ. 107  พ.ศ. 2431 ปลูกพัทธสีมา วันอาทิตย์ แรม 12 ค่ำ เดือน 5 ปลูกกุฏิวันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 พระครูสาเป็นเจ้าอาวาส มีพระ 4 องค์ เณร 5 องค์
  9. วัดศรีสุมังคล์  พระยาประจันตประเทศธานีฯ (โง่นคำ) เป็นผู้สร้างเมื่อปีเถาะ จุลศักราช 1265  ร.ศ. 122  พ.ศ. 2446  พระครูบุดดีเป็นเจ้าอาวาส
  10. วัดสระแก้ว  พระพินิจบำรุงราษฎร์ (คาย  นิตย์สุภาพ) เป็นผู้สร้างโดยได้รับพระราชทานผูกพัทธสีมา ปัจจุบันเป็นวัดร้าง และได้สร้างเป็นโรงพยาบาล สกลนคร
  11. วัดยอดแก้ว  พระยาประจันตประเทศธานีฯ (โง่นคำ) เป็นผู้สร้างเมื่อปีมะโรง จุลศักราช 1278  ร.ศ. 135  พ.ศ. 2459 ปัจจุบันเป็นวัดร้าง และได้สร้างเป็น โรงเรียนเทศบาล 1
  12. วัดโพธิ์ชัย  ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้างเพราะเป็นวัดมาแต่โบราณ  พระบุรีบริรักษ์ (คลี่) ได้สร้างกุฏิและบูรณะมา

                                                                    สำเนาอันถูกต้อง


                                                            (พระปลัดสุรสีห์   กิตฺติโสภโณ)
                                                               เจ้าอาวาสวัดแจ้งแสงอรุณ.
                                                                     10  ก.พ.  15

หมายเหตุ:   คัดลอกจากหนังสือ "คู่มือถวายทานและอาราธนาต่าง ๆ" 
              เรียบเรียงโดย พระมหาบุญเลิศ  อินฺทปญฺโญ ป.ธ.8 (วัดเหนือ).
-------------------

วัดเหนือ ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2556) (ด้านหน้า)
ประวัติวัดเหนือ

ชื่อวัดโดยทางราชการ  วัดเหนือ  ชื่อที่ชาวบ้านเรียกหรือชื่อเดิม  วัดศรีมุงคุณ  สังกัด (มหานิกายหรือธรรมยุต)  มหานิกาย  อยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์
                                                                  ตำบล     ธาตุเชิงชุม
                       รหัส 4701082                          อำเภอ    เมือง
                                                                  จังหวัด    สกลนคร
                                                                               ภาค       8

ตำแหน่งที่ตั้งวัด

      เลขที่ 311  (เลขที่เดิม 333/1) บ้าน (ถนนหรือซอย) ถนน เปรมปรีดา  หมู่ที่ 12 ตำบล ธาตุเชิงชุม อำเภอ เมือง  จังหวัด สกลนคร

ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์
    
      มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน (โฉนด, นส.3, สค.1 ) คือ โฉนด เลขที่ 1572
มีอาณาเขต ดังนี้     ทิศเหนือยาว                  72.00  เมตร  จด  ที่ดินมีผู้ปกครอง
                                ทิศใต้ยาว                      41.30  เมตร  จด  ทางสาธารณะ
                                ทิศตะวันออกยาว          85.50  เมตร  จด  ที่ดินมีผู้ปกครอง
                                ทิศตะวันตกยาว             87.50  เมตร  จด  ถนนเปรมปรีดา

ที่ธรณีสงฆ์  มี.....  -  .....แปลง  มีเนื้อที่ทั้งสิ้น จำนวน.... - ......ไร่..... - .....งาน..... - ......ตารางวา  คือ
  1. แปลงที่ 1 ที่ตำบล....... - ......อำเภอ....... - .......จังหวัด........ - ..........มีเนื้อที่จำนวน...... - ....ไร่ ....... - ........งาน........ - .........ตารางวา  มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ คือ..............เลขที่...................
  2. แปลงที่ 2 ที่ตำบล....... - ......อำเภอ....... - .......จังหวัด........ - ..........มีเนื้อที่จำนวน...... - ....ไร่ ....... - ........งาน........ - .........ตารางวา  มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ คือ..............เลขที่...................
  3. แปลงที่ 3 ที่ตำบล....... - ......อำเภอ....... - .......จังหวัด........ - ..........มีเนื้อที่จำนวน...... - ....ไร่ ....... - ........งาน........ - .........ตารางวา  มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ คือ..............เลขที่...................
  4. แปลงที่ 4 ที่ตำบล....... - ......อำเภอ....... - .......จังหวัด........ - ..........มีเนื้อที่จำนวน...... - ....ไร่ ....... - ........งาน........ - .........ตารางวา  มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ คือ..............เลขที่...................
-------------------

ลักษณะพื้นที่โดยทั่วไปของบริเวณที่ตั้งวัด

     (เป็นที่ราบลุ่ม  ที่ราบสูง  ที่เนินเขา  หรือที่เนินสูง  สภาพสิ่งแวดล้อมทั่วไป เช่น ป่าไม้  ภูเขา  แม่น้ำ  ลำธาร เป็นต้น)
      .........เป็นที่เนินสูง สภาพทั่วไปภายในบริเวณวัด มีไม้ดอกไม้ประดับและไม้ผลทั่วบริเวณวัด มีถนนเปรมปรีดาผ่านหน้าวัด (ด้านทิศตะวันตก) มีซอยผ่านด้านทิศใต้ และทิศตะวันออก (ด้านหลังวัด) ด้านทิศเหนือ มีซอยออกสู่ถนนเจริญเมือง.

หลักฐานการตั้งวัด

  1. ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด  เมื่อวันที่.... - .....เดือน....... - .......พ.ศ. 2390  หรือประมาณ พ.ศ. ..... - .... (ทุกวัด)
  2. กระทรวงศึกษาธิการประกาศตั้งเป็นวัด  เมื่อวันที่.. - ..เดือน..... - .......พ.ศ. ... - ..... (สำหรับวัดที่สร้างหลัง  พ.ศ. 2484 เท่านั้น)
  3. ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา  เมื่อวันที่.. - ...เดือน...... - ....... พ.ศ. .... - ..... หรือประมาณ  พ.ศ. 2390  เนื้อที่กว้าง  4.70 เมตร  ยาว 6.50 เมตร  และได้ประกอบพิธีผูกพัทธสีมา  เมื่อวันที่... - ... เดือน..... - ....... พ.ศ. .... - ..... หรือประมาณ  พ.ศ. 2390.
--------------------

ประวัติความเป็นมาของวัดโดยละเอียด


    (ความเป็นมาของชื่อวัด,  ผู้สร้าง,  การสร้างและบูรณะพัฒนาวัด, เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัด ตั้งแต่แรกเริ่มสร้างวัดจนถึงปัจจุบัน)
     .......ประวัติของวัดตามหลักฐานที่ค้นพบในบ้านของหลวงพิจารณ์อักษร ผู้เป็นบุตรของพระยาประจันตประเทศธานี เจ้าเมืองสกลนคร คนที่ 3 บันทึกไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2390 ปีมะแม  จ.ศ. 1209  ร.ศ. 66  ราชวงศ์อินทร์ ราชวงศ์เมืองมหาชัยก่องแก้ว เมืองสกลนคร เป็นผู้สร้าง มีพระครูศรีธรรมา เป็นเจ้าอาวาส มีกุฏิสร้างด้วยไม้ ทรงไทยโบราณ 3 หลัง ศาลาการเปรียญ (หอแจก) ทรงไทยโบราณ 1 หลัง อุโบสถ 1 หลัง  ปัจจุบันนี้ ทั้งกุฏิ  ศาลาการเปรียญ และอุโบสถ รื้อหมดแล้ว เพราะชำรุดทรุดโทรมมาก  เมื่อพระครูศรีธรรมา มรณภาพแล้ว ปี พ.ศ. 2403 มีพระครูเจ้า มาครองวัด พระครูเจ้ารูปนี้ เป็นเชื้อสายราชวงศ์อินทร์ ย้ายมาจากเมืองมหาชัยก่องแก้ว (ระหว่างรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ระหว่าง พ.ศ. 2367 - 2393) ได้อพยพมากับญาติพี่น้อง ในสมัยปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์สงบ เมื่อพระครูเจ้ามรณภาพแล้ว  มีพระครูลา (พระครูพิพิธสกลธรรม) มาเป็นเจ้าอาวาส
     ท่านรูปนี้ เป็นชาวไทยโซ่ มีคนเคารพนับถือมาก เป็นพระที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมามาก เก่งในทางไสยศาสตร์ และวิทยาคมต่าง ๆ มีคนเล่าลือสืบมาจนทุกวันนี้ ต่อมาได้เป็นเจ้าคณะแขวง ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครูพิพิธสกลธรรม  ท่านได้บูรณะกุฏิและศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ทั้งวัด 
     ในสมัยนั้น วัดเหนือมีชื่อเสียงมาก มีเจ้าเมืองและข้าราชการกรมการเมือง ให้ความอุปถัมภ์เป็นอย่างดี พระครูพิพิธสกลธรรมครองวัดมาจนชรา และกลับไปอยู่ภูมิลำเนาเดิมเพราะอาพาธและมรณภาพที่นั่น
     ต่อมา มีพระมหาพันธุ์ และพระมหาณรงค์ มาครองวัด พระมหาพันธุ์ได้บูรณะอุโบสถขึ้นใหม่ทั้งหลัง โดยก่ออิฐถือปูน และมุงหลังคาด้วยกระดานไม้ ปัจจุบันนี้รื้อแล้ว (โดยพระศรีสกลกิจ) และสร้างขึ้นใหม่ในที่เดิม เป็นโบสถ์ทรงไทย ประดับช่อฟ้าใบระกา  สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหลัง ประมาณ พ.ศ. 2490 พระมหาณรงค์ ลาสิกขา ชาวคุ้มได้นิมนต์พระมหาศรีคำ  อภิสทฺโท ป.ธ.4 (พระศรีสกลกิจ) จากวัดศรีชมพู มาครองวัดและเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ. 2490 - 2530 มาในสมัยนี้  ได้มีการพัฒนาเปลี่ยน แปลงปรับปรุงวัดเป็นอย่างมาก คือ รื้อศาลาการเปรียญหลังเก่า สร้างขึ้นใหม่ ลักษณะทรงไทย กว้าง 12.50 เมตร ยาว 23.50 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเสาและเครื่องบนทำด้วยไม้ มุงด้วยสังกะสี ประดับช่อฟ้า ใบระกา สร้างกุฏิขึ้น 7 หลัง เท่าที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน สร้างอุโบสถขึ้นในที่เดิม ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหลัง  มุงด้วยกระเบื้องเคลือบ ประดับช่อฟ้า ใบระกา ปรับปรุงบริเวณวัดถมที่ให้สูงขึ้น  ปลูกไม้ผลและไม้ประดับเป็นจำนวนมาก  จัดตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม  มีนักเรียนทั้งแผนกธรรมและบาลีมาจนถึงปัจจุบัน และได้เป็นสำนักเรียนพระปริยัติธรรมตัวอย่าง - ดีเด่น ของจังหวัด ในปี พ.ศ. 2529  มีนักเรียนสอบนักธรรมและบาลีได้ทุก ๆ ปี
พระรัตนกวี  (พระมหาบุญเลิศ  อินทปัญโญ) ป.ธ.8
เจ้าอาวาส รูปปัจจุบัน

     ต่อมาปี พ.ศ. 2531  พระมหาบุญเลิศ  อินทปัญโญ ป.ธ.8 จากวัดอรุณราชวรารามกรุงเทพมหานคร  มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส  โดยหลวงพ่อเจ้าคุณศรีสกลกิจ (พระราชวิมลมุนี) ขอตัวมาช่วยปฏิบัติศาสนกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529  เมื่อท่านย้ายไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหารแล้ว  จึงแต่งตั้งให้พระมหาบุญเลิศ  ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเหนือ ตามตราตั้งลงวันที่ 15 มีนาคม 2531  จึงได้เริ่มดำเนินการตามนโยบายเดิมต่อมา โดยดำเนินการการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้ง 2 แผนกมาโดยลำดับ  ด้านการปรับปรุงวัดก็พยายามปรับปรุงวัดให้เป็นอาราม ตัดตกแต่งต้นไม้ใหญ่ ๆ บางต้น  เพื่อความเหมาะสม ปลูกไม้ดอกไม้ประดับและไม้ผลเพิ่มเติม  ปรับปรุงบริเวณวัดให้เป็นสัดส่วน ตัดถนนภายในบริเวณวัด เทคอนกรีตภายในบริเวณวัด   จัดสนามหญ้าและไม้ดอกไม้ประดับให้เป็นสัดส่วน  พร้อมกับหาพันธุ์ไม้ใหม่ ๆ มาปลูกเพิ่มเติม
     ด้านการก่อสร้าง ปี พ.ศ. 2534  รื้อหอฉันหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ในที่เดิม  โดยสร้างเป็นคอนกรีตเสริม เหล็กทั้งหลัง 2 ชั้น กว้าง 10.30 เมตร  ยาว 17.30 เมตร ชั้นที่ 2 ทำเป็นห้องสมุด เรียกว่า ศาลาอเนกประสงค์
     พ.ศ. 2538  รื้อห้องน้ำ - สุขา หลังเก่าแล้วสร้างขึ้นใหม่ในที่เดิม ขนาด 2.00 เมตร  ยาว 7.30 เมตร
     ปี พ.ศ. 2539  รื้อกุฏิหลังเก่า 3 หลัง (หลังใหญ่ยาว 24.00 เมตร  หลังเล็ก 2 หลัง) แล้วสร้างขึ้นใหม่ในที่เดิม 4 หลัง  หลังที่ 1 กว้าง 7.00 เมตร ยาว 9.00 เมตร   หลังที่ 2 - 3 - 4  กว้าง 5.00 เมตร  ยาว 7.00 เมตร และในปีเดียวกันก็ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ศาลาการเปรียญชั้นล่าง โดยก่อ ฉาบฝาทาสี ติดประตูหน้าต่างและอื่น ๆ จนใช้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ได้
     ปี พ.ศ. 2540 รื้อหลังคาศาลาการเปรียญแล้วมุงใหม่ด้วยกระเบื้อง ตกแต่งทาสีช่อฟ้า ใบระกา เปลี่ยนฝ้าเพดาน ทาสีชั้นบนรอบนอก ตกแต่งบันได ทาสีกุฏิฟอง - ฉลวย  นวลมณี  ต่อโรงครัวออกข้างศาลาการเปรียญและศาลาอเนกประสงค์ เทพื้นชั้นล่างกุฏิสว่าง  วงษ์รัตนะ  และอื่น ๆ จนอยู่ในสภาพที่มั่นคง
  แนะนำให้คุณยายวัชรี  พรหมสาขา ณ สกลนคร  สร้างศาลาศาสตร์นุสรณ์ขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ต้อนรับอาคันตุกะ  ทาสีโรงอุโบสถใหม่ทั้งช่อฟ้า ใบระกาทั่วทั้งหมด ต่อเติมหลังคาด้านหน้ากุฏิเจ้าอาวาส จัดให้พระเณรช่วยเทคอนกรีตตามบริเวณวัดเพิ่มเติมจนแล้วเสร็จ จัดซื้อรถยนต์ไว้ใช้ในกิจการของวัด 1 คัน ในปี พ.ศ. 2540 นี้ การปรับปรุงพัฒนาวัดนับว่าเสร็จเรียบร้อย อยู่ในขั้นที่น่าพอใจตลอดถึงการควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย  ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพระภิกษุสามเณร  การเผยแผ่ก็ได้จัดให้มีตามปกติที่เคยปฏิบัติมา.

ปูชนียวัตถุ - โบราณวัตถุ

     (โดยกล่าวอย่างละเอียดถึงประวัติ  ชื่อเสียง  เกียรติคุณอื่น ๆ ลักษณะ และขนาดของปูชนียวัตถุ  หรือ โบราณวัตถุสำคัญ  เช่น พระประธาน  พระพุทธรูปต่าง ๆ โบราณวัตถุ  ศิลปวัตถุ  เจดีย์  หรือของมีค่าอื่นอันเป็นสมบัติของวัด)
พระประธานองค์ใหม่ ในพระอุโบสถ ซึ่งสร้างครอบองค์เดิมเอาไว้
     ......ปูชนียวัตถุ  ในอุโบสถมีพระประธาน 1 องค์  เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ทำด้วยปูนซีเมนต์  หน้าตักกว้าง 50 ซม. สูง 1 เมตร  ต่อมาสร้างองค์ใหม่ครอบองค์เดิม หน้าตักกว้าง 80 นิ้ว สูง 323 ซม. หล่อด้วยทองเหลือง ลงรักปิดทอง โดยคุณหญิงปราศัย  พนมยงค์  สร้างอุทิศถวายแด่พระอนุบาลสกลเขต  ผู้บิดาที่ล่วงลับไปแล้ว
พระพุทธรูปที่บรรจุอยู่ภายในพระอุโบสถทั้งเก่าและใหม่
     ที่ศาลาการเปรียญ มีพระประธาน 1 องค์  หน้าตักกว้าง 30 นิ้ว  สูง 40 นิ้ว  หล่อด้วยทองเหลือง ลงรักปิดทอง เบอร์ 45  สร้างโดยนางจิบ  เจริญกุล  พระพุทธรูปเก่าแก่ 2 องค์ หน้าตักกว้าง 7 นิ้ว  สูง 14 นิ้ว เท่ากันทั้ง 2 องค์  เป็นพระพุทธรูปสมัยโบราณ หล่อด้วยทองสำริด (อนุสาวรีย์พระอนุบาลสกลเขต คณะญาติสร้างไว้ที่วัด เป็นรูปนั่งหล่อด้วยทองเหลืองรมดำ สูง 56 นิ้ว  มีพระพุทธรูปทั้งหมด จำนวน 87 องค์.

เสนาสนะและสิ่งปลูกสร้าง

    (โดยกล่าวถึงระยะเวลาก่อสร้าง ลักษณะโดยทั่วไป เช่น โครงสร้างรูปทรง วัสดุที่ใช้ก่อสร้างเป็นต้น หากมีภาพจิตรกรรมหรือคุณค่าทางศิลปกรรม  สถาปัตยกรรม  อยู่ที่ใด  ขอให้ระบุไว้ด้วย  และถ้าเป็นการก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่าให้ระบุประวัติอุโบสถหลังเก่าด้วย)
พระอุโบสถหลังใหม่ซึ่งสร้างแทนหลังเก่า
ในที่เดิม
    1. อุโบสถ             กว้าง  8.50  เมตร  ยาว  17.50  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ      พ.ศ. 2516
    ลักษณะทั่วไป     ทรงไทย  สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก  ประดับช่อฟ้า ใบระกา


ศาลาการเปรียญ ปัจจุบันได้ต่อเติมชั้นล่างและต่อหลังคาเพิ่มเติม
    2. ศาลาการเปรียญ     กว้าง  12.50  เมตร  ยาว  23.50  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ              พ.ศ. 2519
    ลักษณะทั่วไป              เป็นอาคารทรงไทย 2 ชั้น  สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก  ชั้นบนทำด้วยไม้  มุงด้วยสังกะสี  ประดับช่อฟ้าใบระกา  ปี พ.ศ. 2540  รื้อสังกะสีออกแล้วมุงด้วยกระเบื้อง  พร้อมกับปรับปรุงตกแต่งส่วนอื่น ๆ


หอฉัน
    3. หอฉัน              กว้าง  9.00  เมตร  ยาว  14.50  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     พ.ศ. 2526
    ลักษณะทั่วไป    เป็นอาคารทรงไทยชั้นเดียว  ไม่ยกพื้น  สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มุงด้วยสังกะสี



    4. กุฏิ จำนวน  7  หลัง คือ

    หลังที่ 1                กว้าง  9.00  เมตร  ยาว  12.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     พ.ศ. 2531
    ลักษณะทั่วไป     เป็นอาคารทรงไทย 2 ชั้น  สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มุงด้วยกระเบื้อง

    หลังที่ 2               กว้าง  8.50  เมตร  ยาว  9.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     พ.ศ. 2516
    ลักษณะทั่วไป     เป็นอาคารทรงไทยชั้นเดียว  ยกพื้นสูง  ทำด้วยไม้ทั้งหลัง  มุงด้วยสังกะสี

    หลังที่ 3               กว้าง  7.00  เมตร  ยาว  9.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     พ.ศ. 2539
    ลักษณะทั่วไป     เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์  2  ชั้น  ชั้นบนทำด้วยไม้  มุงด้วยสังกะสี

    หลังที่ 4               กว้าง  5.00  เมตร  ยาว  7.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     พ.ศ. 2539
    ลักษณะทั่วไป     เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์  2  ชั้น  ชั้นบนทำด้วยไม้  มุงด้วยสังกะสี

    หลังที่ 5               กว้าง  5.00  เมตร  ยาว  7.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     พ.ศ. 2539
    ลักษณะทั่วไป     เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์  2  ชั้น  ชั้นบนทำด้วยไม้  มุงด้วยสังกะสี

    หลังที่ 6               กว้าง  5.00  เมตร  ยาว  7.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     พ.ศ. 2539
    ลักษณะทั่วไป     เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์  2  ชั้น  ชั้นบนทำด้วยไม้  มุงด้วยสังกะสี

    หลังที่ 7               กว้าง  9.00  เมตร  ยาว  7.60  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     พ.ศ. 2519
    ลักษณะทั่วไป     เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ชั้นเดียว  ยกพื้นสูง  ทำด้วยไม้ทั้งหลัง  มุงด้วยกระเบื้อง

    5. ศาลาอเนกประสงค์      กว้าง  10.30  เมตร  ยาว  17.30  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ                   พ.ศ. 2536
    ลักษณะทั่วไป                   เป็นอาคารทรงไทย  2  ชั้น  สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก  ชั้นบนจัดเป็นห้องสมุด  และห้องพัก  ชั้นล่างจัดเป็นสถานที่จัดภัตตาหาร  ที่พักญาติโยมและห้องพัสดุ

    6. ศาลารับรอง          กว้าง  8.00  เมตร  ยาว  12.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ           พ.ศ. 2539
    ลักษณะทั่วไป           เป็นอาคารทรงไทยชั้นเดียว  สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก  มุงด้วยกระเบื้อง  จัดเป็นสถานที่รับรองอาคันตุกะ

    7. โรงครัว  

    หลังที่ 1                กว้าง  5.40  เมตร  ยาว  7.60  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ      พ.ศ. 2536
    ลักษณะทั่วไป     เป็นอาคารเพิงต่อออกจากศาลาอเนกประสงค์ชั้นล่าง

    หลังที่ 2               กว้าง  6.60  เมตร  ยาว  12.40  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     พ.ศ. 2539
    ลักษณะทั่วไป     เป็นอาคารเพิงต่อออกจากศาลาการเปรียญชั้นล่าง

    8. ห้องน้ำ  ห้องสุขา

    หลังที่ 1               กว้าง  4.60  เมตร  ยาว  7.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ     ประมาณ พ.ศ. 2519
    ลักษณะทั่วไป     เป็นโรงเรือนเล็กคอนกรีต โดยแบ่งเป็น 2 ซีก ซ้าย - ขวา

    หลังที่ 2                กว้าง  2.00  เมตร  ยาว  7.30  เมตร
    ลักษณะทั่วไป     เป็นโรงเรือนคอนกรีตเสริมเหล็ก

    9. ห้องพัสดุ          กว้าง  3.30  เมตร  ยาว  7.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ      ประมาณ พ.ศ. 2519
    ลักษณะทั่วไป      เป็นโรงเรือนชั้นเดียว  ไม่ยกพื้น  สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก

    10. โรงรถ             กว้าง  4.00  เมตร  ยาว  9.00  เมตร
    สร้างเสร็จเมื่อ      พ.ศ. 2539
    ลักษณะทั่วไป      เป็นเพิงต่อออกจากกุฏิถิระมัย ใช้เป็นที่เก็บรถ.

การบริหารและการปกครอง
พระรัตนกวี
(พระมหาบุญเลิศ  อินทปัญโญ) ป.ธ.8
เจ้าอาวาส รูปปัจจุบัน


    ปัจจุบันเจ้าอาวาสชื่อ  พระรัตนกวี  ป.ธ. 8  อายุ 62 ปี  พรรษา 42
      ลำดับและประวัติเจ้าอาวาส (ตั้งแต่รูปแรกจนถึงปัจจุบัน)
      รูปที่ 1  พระครูศรีธรรมา   พ.ศ. 2393 - 2403
      รูปที่ 2  พระครูเจ้า            พ.ศ. 2403 - 2443
      รูปที่ 3  พระครูพิพิธสกลธรรม (ยาคูลา)  พ.ศ. 2443 -2480
      รูปที่ 4  พระมหาพันธุ์       พ.ศ. 2480 - 2488
      รูปที่ 5  พระมหาณรงค์     พ.ศ. 2488 - 2490
      รูปที่ 6  พระศรีสกลกิจ (พระมหาศรีคำ ป.ธ. 4)  พ.ศ. 2490 - 2530
      รูปที่ 7  พระรัตนกวี (พระมหาบุญเลิศ  อินทปัญโญ ป.ธ.8)  พ.ศ. 2531 ถึงปัจจุบัน.